Phantom (2023): การตามล่า “สายลับ” ที่เดิมพันด้วยอิสรภาพ…ท่ามกลางเกมจิตวิทยาอันตรายในยุคอาณานิคม
Phantom ภาพยนตร์ Spy Action Thriller สุดคลาสสิกจากประเทศเกาหลีใต้ ที่มีฉากหลังเข้มข้นใน ปี 1933 ณ เมืองคยองซอง (โซล) ภายใต้การปกครองอันเข้มงวดของญี่ปุ่น เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อความพยายามลอบสังหารผู้สำเร็จราชการคนใหม่ของญี่ปุ่นโดยกลุ่มต่อต้านใต้ดินที่มีรหัสว่า “Shadow Corps” ล้มเหลว ทำให้กองทัพญี่ปุ่นเชื่อว่ามีสายลับระดับสูงแทรกซึมอยู่ในรัฐบาลอาณานิคม ซึ่งรู้จักกันในรหัส “Phantom”
ทาคาฮาระ ไคโตะ (นำแสดงโดย Park Hae-soo) หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยคนใหม่ที่มีความเหี้ยมโหด ได้ทำการกวาดต้อนผู้ต้องสงสัย 5 คน ซึ่งทำงานให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น ไปกักขังไว้ในโรงแรมบนหน้าผาริมทะเลที่ห่างไกล เพื่อบังคับให้พวกเขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของ “Phantom” ภายใน 24 ชั่วโมง ผู้ต้องสงสัยทั้งห้าประกอบด้วย มูรายามะ จุนจิ (Sul Kyung-gu) อดีตเจ้าหน้าที่ที่ถูกลดตำแหน่ง, พัค ชาคยอง (Lee Hanee) เจ้าหน้าที่สื่อสารผู้เงียบขรึม, ยูริโกะ (Park So-dam) เลขานุการผู้มีอิทธิพล, ชอน กเยจาง (Seo Hyun-woo) ผู้เชี่ยวชาญด้านการถอดรหัสที่ขี้ขลาด, และ แบ็กโฮ (Kim Dong-hee) พนักงานสื่อสารหนุ่ม
ครึ่งแรกของภาพยนตร์จะเน้นไปที่ เกมจิตวิทยา (Whodunit) ภายในโรงแรมที่เต็มไปด้วยกับดัก ผู้ต้องสงสัยแต่ละคนต้องพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ขณะเดียวกันก็พยายามค้นหาตัวจริงของ “Phantom” ท่ามกลางความสงสัย, การทรยศหักหลัง, และการเปิดเผยตัวตนที่ซ่อนอยู่ เมื่อการสอบสวนเข้มข้นขึ้นและความลับถูกเปิดเผย ภาพยนตร์ก็เปลี่ยนจากการสืบสวนอันเคร่งเครียดไปสู่ฉาก แอ็คชัน Spy Thriller ที่ดุเดือดและมีสไตล์ การต่อสู้สุดมันส์ของสองนักแสดงนำหญิงอย่าง Lee Hanee และ Park So-dam ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการกอบกู้เอกราช Phantom คือภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยภาพสวยงาม การออกแบบงานสร้างที่หรูหรา และพล็อตเรื่องที่หักมุมอย่างชาญฉลาด มันไม่ใช่แค่การตามล่าสายลับ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อ ‘วิญญาณ’ ของชาติ ที่สาบสูญไปชั่วขณะ และแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญที่มองไม่เห็นในการต่อต้านการกดขี่
